อาร์เซน่อล

ปืนใหญ่ ไม่ชนะมา 5 เกมติดทั้งในลีกและบอลถ้วย โดยเสมอ 2 และแพ้ 3

มิเกล อาร์เตต้า กุนซือชาวสเปน จะต้องรอตัดสินใจจนถึงนาทีสุดท้ายว่า ไค ฮาแวร์ตซ์ ซึ่งไม่ได้เล่นมาตั้งแต่เริ่มต้นเดือนกุมภาพันธ์เนื่องจากอาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า จะสามารถมีส่วนร่วมในเกมกับ นิวคาสเซิ่ล ได้หรือไม่

เดแคลน ไรซ์, เลอันโดร ทรอสซาร์, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และ ยูร์เรียน ทิมเบอร์ ซึ่งกลับมาซ้อมได้ในสัปดาห์นี้ทั้งหมดจะต้องรอประเมินความพร้อม

นิวคาสเซิ่ล

สาลิกาดง เอาชนะ 8 จาก 10 นัดหลังสุดทั้งในลีกและบอลถ้วย โดยเสมอ 1 และแพ้ 1

กุนซือ เอ็ดดี้ ฮาว กล่าวว่า โจ วิลล็อค มีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่จะรีเทิร์นกลับมาในเกมพบต้นสังกัดเก่า หลังพลาดเกมสัปดาห์ก่อนที่ชนะ เชลซี เนื่องจากปัญหาเล็กน้อยที่กล้ามเนื้อ

สเวน บ็อตมัน ซึ่งมีปัญหาที่หัวเข่าจะต้องรอมอนิเตอร์ แต่ คีแรน ทริปเปียร์ น่าจะพลาดเนื่องจากบาดเจ็บน่อง ขณะที่ โชลินตอน ซึ่งเจ็บเข่าจะชวดแน่นอน

11 ตัวจริงตามคาด

อาร์เซน่อล (4-3-3) : ดาบิด ราย่า – ยูร์เรียน ทิมเบอร์, วิลเลี่ยม ซาลีบา, ยาคุบ คีวีออร์, ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ – มาร์ติน โอเดการ์ด, โธมัส ปาร์เตย์, เดแคลน ไรซ์ – บูคาโย่ ซาก้า, มิเกล เมรีโน่, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่

นิวคาสเซิ่ล (3-4-2-1) : นิค โป๊ป – เอมิล คราฟธ์, ฟาเบียน แชร์, แดน เบิร์น – เจค็อบ เมอร์ฟี่, บรูโน่ กีมาไรช์, ซานโดร โตนาลี่, วาเลนติโน่ ลิฟราเมนโต้ – ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์, แอนโธนี่ กอร์ดอน – อเล็กซานเดอร์ อีซัค

ผู้ตัดสิน : ไซม่อน ฮูเปอร์

อาร์เซน่อล ฟอร์มหลุดมาพักใหญ่แล้ว แต่เกมนี้ได้เฝ้ารัง แถมยังต้องจริงจังเนื่องจากพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีกยังไม่ชัวร์ ขณะที่ นิวคาสเซิ่ล มาเยือนแบบนี้เชื่อใจยังไม่ค่อยได้ มองว่าเจ้าถิ่นจะคืนฟอร์มเก็บชัยได้ในที่สุด

ผลที่คาด

อาร์เซน่อล ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-2

แอสตัน วิลล่า

วิลล่า ไม่แพ้ในบ้านมา 20 เกมรวมทุกรายการ โดยชนะ 14 เสมอ 6 ซึ่งถือเป็นสถิติไร้พ่ายยาวนานที่สุดของพวกเขาในรอบ 48 ปี

อูไน เอเมรี่ กุนซือชาวสเปน จะไม่มี เจค็อบ แรมซี่ย์ ที่ติดโทษแบน หลังจากใบแดงในเกมกับ บอร์นมัธ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ยูริ ตีเลอมันส์ ยังคงมีปัญหาที่กล้ามเนื้อ ขณะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ยังคงชวดจากปัญหาที่เอ็นหลังหัวเข่า

สเปอร์ส

ไก่เดือยทอง แพ้ 7 จาก 10 นัดในพรีเมียร์ลีก (ชนะ 1 เสมอ 2) โดยชัยชนะเพียงเกมเดียวนั้นมาจากการพบทีมบ๊วยอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน ในเดือนเมษายน

แอนจ์ พอสเตโคกลู กุนซือชาวออสเตรเลีย จะไม่มี เดยัน คูลูเซฟสกี้ ที่เข้ารับการผ่าตัดหัวเข่า หลังจากบาดเจ็บระหว่าเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่แพ้ คริสตัล พาเลซ

ดาวเตะชาวสวีเดนจะไปอยู่ในกลุ่มผู้เล่นบาดเจ็บเช่นเดียวกับ เจมส์ แมดดิสัน และ ลูคัส เบิร์กวาลล์ แต่ ซน ฮึง-มิน กัปตันทีมจะกลับมาได้ หลังจากหายหน้าไปหนึ่งเดือน และน่าจะได้รับจำนวนนาทีในเกมที่วิลล่า พาร์ค

11 ตัวจริงตามคาด

แอสตัน วิลล่า (4-2-3-1) : เอมิเลียโน่ มาร์ตีเนซ – แม็ตตี้ แคช, เอซรี่ คอนซ่า, เปา ตอร์เรส, ลูก้าส์ ดีญ – บูบาการ์ กามาร่า, อมาดู โอนาน่า – มอร์แกน โรเจอร์ส, มาร์โก อาเซนซิโอ, จอห์น แม็คกินน์ – โอลลี่ วัตกิ้นส์

สเปอร์ส (4-3-3) : กูเยลโม่ วิคาริโอ – เจด สเปนซ์, เควิน ดานโซ่, เบน เดวิส, เดสตินี่ อูโดกี – อาร์ชี่ เกรย์, อีฟส์ บิสซูม่า, ป๊าป ซาร์ – วิลสัน โอโดแบร์, ริชาร์ลิซอน, มาติส แตล

ผู้ตัดสิน : ปีเตอร์ แบงค์ส

แอสตัน วิลล่า จะเล่นแบบไม่มีกั๊กในเกมนี้ โดยพวกเขายังมีลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีกอย่างเต็มที่ เกมในรังที่ผ่านมาก็ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ขณะที่ สเปอร์ส จะต้องระวังตัวเนื่องจากมีเกมนัดชิงยูโรปา ลีก รออยู่ในช่วงกลางสัปดาห์ แน่นอนว่าเจ้าถิ่นที่จริงจังมากกว่ามีดีพอจะเอาชนะแบบยิงขาดไหว

ผลที่คาด

แอสตัน วิลล่า ชนะ สเปอร์ส 2-0

เชลซี

สิงห์บลูส์ ไม่เคยแพ้ในเกมเหย้านัดสุดท้ายของฤดูกาลในลีกตลอด 22 ซีซั่นที่ผ่านมา (ชนะ 15 เสมอ 7) ตั้งแต่ที่แพ้ แอสตัน วิลล่า 1-3 ในปี 2001-02

เอ็นโซ่ มาเรสก้า กุนซือชาวอิตาลี จะไม่แพ้ นิโกลัส แจ็คสัน ที่ติดโทษแบนตลอดเกมที่เหลือของพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้

นอกจากนี้ กองหน้าอย่าง มาร์ก กีว และ คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู ก็ยังบาดเจ็บอยู่ เช่นเดียวกับ เวสเล่ย์ โฟฟาน่า และ โอมารี่ เคลลี่แมน ขณะที่ เจดอน ซานโช่ จะไม่สามารถเล่นได้เนื่องจากพบกับต้นสังกัดแม่

แมนฯ ยูไนเต็ด

ผีแดง เอาชนะในเกมเยือนนัดสุดท้ายของฤดูกาลในลีกมา 4 จาก 5 ซีซั่นหลังสุด (แพ้ 1) ทว่าพวกเขาก็ไม่ชนะตลอด 7 เกมสุดท้ายในลีกที่มาเยือนลอนดอน (เสมอ 3 แพ้ 4)

รูเบน อาโมริม กุนซือชาวโปรตุเกส ยังคงพลาดใช้งานผู้เล่นหลายราย ซึ่งรวมถึง โจชัว เซิร์กเซ่ (เอ็นหลังหัวเข่า), ลีซานโดร มาร์ตีเนซ (เข่า) และ ดีโอโก้ ดาโล่ต์ (น่อง)

นอกจากนี้ แนวรับของทีมยังเจอปัญหาเพิ่มเติมอีก เมื่อเซนเตอร์แบ็กอย่าง เลนี่ โยโร่ ต้องออกจากสนามด้วยอาการบาดเจ็บที่เท้าในเกมแพ้ เวสต์แฮม ในนัดล่าสุด แต่ เอเดน เฮฟเว่น และ โทบี้ คอลลิเยอร์ ที่บาดเจ็บมาในช่วงก่อนหน้านี้มีชื่อเดินทางมายังลอนดอนกับทีมด้วย

11 ตัวจริงที่ตามคาด

เชลซี (4-2-3-1) : โรเบิร์ต ซานเชซ – มอยเสส ไกเซโด้, เทรโวห์ ชาโลบาห์, ลีวาย โคลวิลล์, มาร์ก กูกูเรย่า – รีซ เจมส์, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ – โนนี่ มาดูเอเก้, โคล พาลเมอร์, ไทริค จอร์จ – เปโดร เนโต้

แมนฯ ยูไนเต็ด (3-4-2-1) : อ็องเดร โอนาน่า – ไทเลอร์ เฟรดริกสัน, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, ลุค ชอว์ – แพทริก ดอร์กู, คริสเตียน เอริคเซ่น, ค็อบบี้ เมนู, แฮร์รี่ อามาสส์ – เมสัน เมาท์, อเลฮานโดร การ์นาโช่ – ชิโด้ โอบี

ผู้ตัดสิน : คริส คาวานาห์

เชลซี จะพลาดไม่ได้ในเกมนี้ เนื่องจากมีพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีกเป็นเดิมพันในช่วง 2 เกมสุดท้ายของฤดูกาล ผลงานในรังที่ผ่านมาก็ถือว่ายอดเยี่ยม ขณะที่ แมนฯ ยูไนเเต็ด นั้น โฟกัสทั้งหมดของพวกเขาจะไปอยู่ที่นัดชิงยูโรปา ลีก ช่วงกลางสัปดาห์ นอกจากโรเตชั่นเยอะก็ยังต้องเล่นแบบระวังตัว มองแล้วถึงเจ้าถิ่นจะต่อแพงไปหน่อย ทว่าก็ยังน่าตามเชียร์มากกว่า

ผลที่คาด

เชลซี ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1

บีบีซีรายงานว่า เชลซีคาดว่าจะให้ เอ็นโซ มาเรสก้า กุนซือชาวอิตาเลียน คุมทีมต่อในฤดูกาลหน้า แม้ทีมอาจพลาดโควต้าแชมเปี้ยนส์ ลีก โดยผู้บริหารสโมสรยังคงให้ความไว้วางใจในตัวมาเรสก้า เนื่องจากผลงานในยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ และการสร้างโอกาสทำประตูที่สูงในพรีเมียร์ลีก

เชลซีปัจจุบันรั้งอันดับ 5 ในตาราง โดยมีเกมเหลืออีก 2 นัด พบกับ แมนฯ ยูไนเต็ด และ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ซึ่งจะชี้ชะตาการได้สิทธิ์ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า โดยผู้บริหารมองว่ามาเรสก้าเหมาะกับวิสัยทัศน์ระยะยาวของสโมสร หลังเคยผิดพลาดกับการปลด เกรแฮม พ็อตเตอร์ ก่อนสิ้นสุดฤดูกาล 2022-23 และพร้อมสนับสนุนมาเรสก้าต่อไป หากไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น

มาร์ก กูกูเรย่า กองหลังของ เชลซี ยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังกับความพ่ายแพ้ต่อ นิวคาสเซิ่ล คู่แข่งสำคัญในการแย่งพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ยังคงกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมให้แสดงแคแร็กเตอร์และเก็บสิ่งดีจากเกมนี้เพื่อลุยต่อไป เกมที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค เจ้าบ้านขึ้นนำด้วยประตูจาก ซานโดร โตนาลี่ ตั้งแต่นาทีที่ 2 และ บรูโน่ กิมาไรส์ นาทีที่ 90 ขณะที่ เชลซี ต้องเล่น 10 คนตั้งแต่นาที 35 หลัง นิโกล่าส์ แจ็คสัน ถูกไล่ออก

กูกูเรย่าเผยว่า “เราผิดหวังจริงๆ เพราะนี่คือเกมสำคัญที่เราแพ้และทำให้เราหงุดหงิด แต่นี่คือช่วงเวลาที่ต้องแสดงแคแร็กเตอร์ ทุกสิ่งที่เราต่อสู้กันมา เราต้องแสดงให้เห็นมันตอนนี้” นอกจากนี้ เขายังเน้นว่าทีมควรลืมความผิดพลาดจากเกมนี้และเก็บเกี่ยวสิ่งดีที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะความพยายามในการเล่น 10 คน ซึ่งเขามองว่าทีมยังคงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและพร้อมรับมือกับแรงกดดัน

กูกูเรย่ามองว่า พรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่ยากที่สุดในโลกและทุกเกมล้วนท้าทาย แต่เชลซีเตรียมตัวมาอย่างดีและพร้อมสู้เพื่อเป้าหมายที่ตั้งไว้ “เราต้องเดินหน้าตามแผนและพิสูจน์ว่าเราพร้อมเล่นในเกมประเภทนี้” เขากล่าวอย่างมุ่งมั่น พร้อมเรียกร้องให้เพื่อนร่วมทีมก้าวผ่านความผิดหวังและมุ่งหน้าสู่เกมถัดไปอย่างมั่นใจ

บอร์นมัธ

เดอะ เชอร์รี่ส์ ไม่แพ้เลยตลอด 5 นัดหลังสุดในลีก (ชนะ 2 เสมอ 3) ทั้งที่เก็บได้เพียงแต้มเดียวจาก 5 นัดก่อนหน้านี้

อันโดนี่ อีราโอล่า กุนซือชาวสเปน จะพลาดใช้งาน ด็องโก้ วาตตาร่า ไปตลอดช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้ เนื่องจากอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา

ไรอัน คริสตี้, เอเนส อูนาล และ หลุยส์ ซินิสเตร์ร่า ก็ยังคงชวดเหมือนเดิม

แอสตัน วิลล่า

วิลล่า เอาชนะ 6 จาก 7 นัดที่ผ่านมาในลีก โดยเก็บคลีนชีตได้ 4 เกมในนั้น เท่ากับจำนวนที่พวกเขาเล่นมา 33 เกมก่อนหน้านี้ในลีกสูงสุด

อูไน เอเมรี่ กุนซือชาวสเปน จะไม่สามารถใช้งาน ยูริ ตีเลอมันส์ ซึ่งมีปัญหาที่กล้ามเนื้อ โดยเขาจะพลาดลงเล่นในเกมแรกครั้งแรกของฤดูกาล และยังไม่มีกำหนดเวลาสำหรับการรีเทิร์น

มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็เป็นอีกคนในทีมที่ลงสนามไม่ได้เช่นกันเนื่องจากบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า

11 ตัวจริงตามคาด

บอร์นมัธ (4-2-3-1) : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า – ลูอิส คุ๊ก, อิลลิยา ซาบาร์นี่, ดีน เฮาเซ่น, มิลอส เคอร์เคซ – ไทเลอร์ อดัมส์, อเล็กซ์ สกอตต์ – มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์, จัสติน ไคลเวิร์ต, อ็องตวน เซเมนโย่ – เอวานิลซอน

แอสตัน วิลล่า (4-2-3-1) : เอมิเลียโน่ มาร์ตีเนซ – แม็ตตี้ แคช, เอซรี่ คอนซ่า, เปา ตอร์เรส, ลูก้าส์ ดีญ – บูบาการ์ กามาร่า, อมาดู โอนาน่า – จอห์น แม็คกินน์, มอร์แกน โรเจอร์ส, เจค็อบ แรมซี่ย์ – โอลลี่ วัตกิ้นส์

ผู้ตัดสิน : สจ๊วร์ต แอ็ตต์เวลล์

บอร์นมัธ อาจกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีอีกครั้งในช่วงหลัง กระนั้น แอสตัน วิลล่า ก็มีแรงจูงใจเต็มที่ในการลุ้นโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีก อีกทั้งระดับการเล่นพวกเขาก็ยังมีอาวุธที่หลากหลายกว่า เชื่อว่าทีมเยือนยังมีดีพอที่จะบุกมาเอาชนะได้

ผลที่คาด

บอร์นมัธ แพ้ แอสตัน วิลล่า 1-2

เซาธ์แฮมป์ตัน

นักบุญ เสี่ยงที่จะแพ้เป็นเกมที่ 29 ของฤดูกาล ซึ่งมันจะเป็นสถิติพรีเมียร์ลีก เช่นเดียวกับอีก 4 ทีม อย่าง อิปสวิช ในปี 1994-95, ซันเดอร์แลนด์ ปี 2005-06, ดาร์บี้ ปี 2007-08 และ เชฟฯ ยูไนเต็ด ในปี 2020-21

มาเตอุส แฟร์นานเดส ฟื้นตัวกลับมาอย่างเต็มที่แล้วหลังจากมีอาการติดเชื้อในหน้าอก

กุนซือชั่วคราวอย่าง ไซม่อน รัสค์ ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บเพิ่มเติมภายในทีม

แมนฯ ซิตี้

เรือใบ ไม่แพ้มาตลอด 9 นัดรวมทุกรายการ (ชนะ 7 เสมอ 2) พวกเขากำลังมองไปยังการคว้าชัย 2 นัดเยือนติดต่อกันในลีกเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนสิงหาคม

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือชาวสเปน มีลุ้นได้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ กลับมาเล่นเป็นครั้งแรกตั้งแต่บาดเจ็บข้อเท้าเมื่อวันที่ 30 มีนาคม

นาธาน อาเก้ และ โรดรี้ เอร์นานเดซ ต่างก็กลับมาซ้อมได้แล้ว แต่พวกเขายังไม่พร้อมที่จะกลับมาลงสนาม ขณะที่ จอห์น สโตนส์ และ ออสการ์ บ็อบบ์ ก็ยังชวดเหมือนเดิม

11 ตัวจริงตามคาด

เซาธ์แฮมป์ตัน (3-4-2-1) : อารอน แรมส์เดล – เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส, ยาน เบดนาเร็ค, แจ็ค สตีเฟ่นส์ – ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส, ฟลินน์ ดาวน์ส, เลสลี่ย์ อูโกชุควู, ไรอัน แมนนิ่ง – มาเตอุส แฟร์นานเดส, คามัลดีน ซูเลมาน่า – พอล โอนัวชู

แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) : เอแดร์ซอน – มาเตอุส นูเนส, รูเบน ดิอาส, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, นิโก้ โอเรลลี่ – แบร์นาร์โด้ ซิลวา, มาเตโอ โควาซิช – โอมาร์ มาร์มูช, อิลคาย กุนโดกัน, เฌเรมี่ โดกู – เควิน เดอ บรอยน์

ผู้ตัดสิน : ทิม โรบินสัน

แมนฯ ซิตี้ กำลังอยู่ในช่วงกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง แถมเวลานี้มีแรงจูงใจอย่างเต็มเปี่ยมในการลุ้นโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีก หรือถึงลุ้นอันดับสองเลยด้วยซ้ำ ถึงจะบุกมาต่อแพงไปสักหน่อย แต่เชื่อว่าทีมเยือนมีดีพอจะบุกมาถล่มขาดได้เลย

ผลที่คาด

เซาธ์แฮมป์ตัน แพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-3

ไมเคิ่ล โอเว่น อดีตกองหน้าลิเวอร์พูลมองว่า “หงส์แดง” ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่อ สล็อต กำลังมีความสมดุลในทีมที่ดีเยี่ยม หลังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลล่าสุดโดยแทบไม่เปลี่ยนแปลงขุมกำลังเดิมจากยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ โดยมีเพียง เฟเดริโก้ เคียซ่า ที่เข้ามาเสริมแบบเป็นตัวสำรอง

โอเว่นเตือนว่าการเสริมทัพมากเกินไปในซัมเมอร์นี้อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี เพราะอาจกระทบความกลมกลืนในห้องแต่งตัว และก่อให้เกิดความไม่พอใจระหว่างผู้เล่น โดยยกตัวอย่างกรณีเชลซีที่มีนักเตะฝีเท้าดีมากเกินไปจนกลายเป็นปัญหา

สำหรับฤดูกาลหน้า เขาเชื่อว่าลิเวอร์พูลยังเหนือกว่าคู่แข่งอย่าง แมนฯ ซิตี้ และมองว่าอาร์เซน่อลอาจเป็นทีมเดียวที่พอมีโอกาสเบียดแย่งแชมป์ได้

แมนฯ ซิตี้

เรือใบ ไม่แพ้เลยตลอด 8 เกมรวมทุกรายการ โดยเป็นการชนะ 6 และเสมอ 2

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือชาวสเปน ได้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ กลับมาซ้อมอย่างเต็มรูปแบบแล้วหลังจากอาการบาดเจ็บข้อเท้า แต่ไม่น่าจะถูกเสี่ยงใช้งานในเกมนี้

เจมส์ แม็คเคที จะกลับมาเป็นตัวเลือกได้อีกครั้งหลังจากพลาดเกมเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ เนื่องจากติดโทษแบน แต่ นาธาน อาเก้, จอห์น สโตนส์ และ โรดรี้ เอร์นานเดซ ยังคงชวดเหมือนเดิม แม้รายหลังจะกลับมาซ้อมแบบรวมกลุ่มได้แล้วก็ตาม

วูล์ฟส์

ปัจจุบัน หมาป่า เอาชนะมา 6 นัดติดต่อกันในลีกซึ่งเป็นผลงานคว้าชัยต่อเนื่องยาวนานที่สุดเทียบเท่าในบรรดาทุกทีมของลีกสูงสุดในฤดูกาลนี้

วิตอร์ เปเรยร่า กุนซือชาวโปรตุเกส ไม่ได้มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บเพิ่มเติมให้ต้องกังวลในทีมของเขา

แซม จอห์นสตัน ผู้รักษาประตูสำรองอาจจะชวดต่ออีกนัด ขณะที่ ลีออน ชิโวเม่, เอ็นโซ่ กอนซาเลซ, ซาช่า คาลายชิช และ เยร์ซอน มอสเกร่า ยังคงต้องพักยาวจากอาการบาดเจ็บ

11 ตัวจริงตามคาด

แมนฯ ซิตี้ (4-1-4-1) : เอแดร์ซอน – มาเตอุส นูเนส, รูเบน ดิอาส, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล, นิโก้ โอเรลลี่ – มาเตโอ โควาซิช – เจมส์ แม็คเคที, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, อิลคาย กุนโดกัน, โอมาร์ มาร์มูช – เควิน เดอ บรอยน์

วูล์ฟส์ (3-4-2-1) : โชเซ่ ซา – แม็ตต์ โดเฮอร์ตี้, เอ็มมานูเอล อักบาดู, โตตี้ โกเมส – เนลซอน เซเมโด้, ชูเอา โกเมส, อังเดร ตริงด๊าด, รายาน เอต-นูรี่ – มาร์แชลล์ มูเนตซี่, มาเตอุส กุนญ่า – ยอร์เก้น สตราด์ ลาร์เซ่น

ผู้ตัดสิน : ปีเตอร์ แบงค์ส

วูล์ฟส์ อยู่ในช่วงที่ฟอร์มสุดยอดมาก แต่ตอนนี้ก็เหลือแค่เล่นให้ครบตามโปรแกรมเท่านั้น ผิดกับ แมนฯ ซิตี้ ที่ต้องลุ้นโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกอยู่ เกมในรังช่วงหลังก็แข็งแกร่ง เชื่อว่าเจ้าถิ่นที่แรงจูงใจเต็มเปี่ยมดีพอจะเดินหน้าเอาชนะแบบยิงขาดไหว

ผลที่คาด

แมนฯ ซิตี้ ชนะ วูล์ฟส์ 2-0

อาร์เซน่อล

“ปืนใหญ่” ของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า ผ่านเข้ารอบตัดเชือกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี ด้วยการโค่น เรอัล มาดริด ประตูรวม 5-1 

ความพร้อมนัดนี้จะไม่สามารถใช้งาน โธมัส ปาร์เตย์ กองกลางคนสำคัญที่ติดโทษแบน หลังได้ใบเหลืองโควตา รวมไปถึง ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่, จอร์จินโญ่, กาเบรียล เชซุส, กาเบรียล มากัลเญส, ไค ฮาแวร์ตซ์ และ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ที่บาดเจ็บอยู่แล้ว

มิเกล เมริโน่ และ เบน ไวท์ ที่พลาดเกมลีกล่าสุดกับ คริสตัล พาเลซ น่าจะผ่านความฟิตเป็นตัวเลือกได้อีกครั้ง 

บูคาโย่ ซาก้า ที่เป็นสำรองเกมลีก จะกลับคืนตัวจริงในแนวรุกเพื่อเล่นร่วมกับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และ เลอันโดร ทรอสวาร์ ที่เล่นหน้าเป้าจำเป็นแทน เมริโน่ ซึ่งจะถอยไปเล่นตรงกลางแทน ปาร์เตย์

เปแอสเช

     เปแอสเช ของกุนซือ หลุยส์ เอ็นรีเก้ เพิ่งพลาดท่าพ่าย นีซ คาบ้าน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้พลาดโอกาสลุ้นคว้าแชมป์ลีกแบบไร้พ่าย 

เอ็นรีเก้ ไม่มีปัญหาผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บหรือว่าติดโทษแบน และใช้งานชุดใหญ่เลยในเกมกับ นีซ ซึ่งคาดว่าน่าจะยึดชุดดังกล่าวลงเล่นนัดนี้ โดยมี เดซิเร่ ดูเอ้, อุสมาน เดมเบเล่ และ ควิช่า ควารัตสเคเลีย เป็นสามประสานแดนหน้า

ตรงกลางมี ชูเอา เนเวส, วิตินญ่า และ ฟาเบียน รูอีซ ขณะที่เกมรับประกอบด้วย อาชราฟ ฮาคิมี่, มาร์กินโญส, วิลเลี่ยม ปาโช่ และ นูโน่ เมนเดส ส่วนนายทวารเป็น จานลุยจิ ดอนนารุมม่า

11 ตัวจริงตามคาด

อาร์เซน่อล (4-3-3) : ดาบิด ราย่า – ยูร์เรียน ทิมเบอร์, วิลเลียม ซาลีบา, ยาคุบ คีวิออร์, ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่ – มาร์ติน โอเดการ์ด, เดแคลน ไรซ์, มิเกล เมรีโน่ – บูคาโย่ ซาก้า, เลอันโดร ทรอสซาร์, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่

เปแอสเช (4-3-3) : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า – อาชราฟ ฮาคิมี่, มาร์กินโญส, วิลเลี่ยม ปาโช่, นูโน่ เมนเดส – ชูเอา เนเวส, วิตินญ่า, ฟาเบียน รูอีซ – เดซิเร่ ดูเอ้, อุสมาน เดมเบเล่, ควิช่า ควารัตสเคเลีย

สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

ผู้ตัดสิน : สลาฟโก้ วินซิช (สโลวีเนีย)

คู่นี้เจอกันมาแล้วในรอบลีกเฟสที่ อาร์เซน่อล ชนะไป 2-0 พร้อมรูปเกมที่เหนือกว่า มาเจอกันเกมนี้น่าจะสูสีมากขึ้น เปแอสเช มีความลงตัวในเกมรุก จังหวะโต้กลับอันตราย ทว่า อาร์เซน่อล มักทำได้ดีกับการเล่นในบ้านและมีเสียงเชียร์คอยหนุนหลัง จึงน่าจะเป็นฝ่ายเบียดชนะไปได้แบบสนุก

ผลที่คาด

อาร์เซน่อล ชนะ เปแอสเช 2-1